พระ
เจ้าปราสาททอง (ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ.2172 - 2199)
เป็นกษัตริย์เป็นกษัตริย์องค์ที่ 25 ของอาณาจักรอยุธยา
ซึ่งได้รับการวิพาษ์วิจารณ์ค่อนข้างมาก ทั้งในเชิงลบและเชิงบวก
มีทั้งวิจารณ์ว่า ทรงมีจิตใจที่โหดร้าย ไร้คุณธรรม เจ้ายศเจ้าอารมณ์ มักใหญ่ใฝ่สูง
นาย Woods นัก ประวัติศาสตร์ชาวตะวันตก บันทึกว่าพระเจ้าปราสาททองเสวยน้ำเมาตลอดวัน จนขาดสติสัมปชัญญะ จนมีเรื่องเล่าว่า ทรงทอดพระเนตรเห็นพระราชโอรส คือพระนารายณ์ มี 4 กร จึงตั้งชื่อ"นารายณ์" แต่ในอีกมุม พระองค์ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นกษัตริย์นักสู้ ผู้ไต่เต้าจากตำแหน่งเสนาบดีกลาโหม กระทั่งได้ครองราชย์บัลลังก์ และเป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์"ปราสาททอง"
มีทั้งวิจารณ์ว่า ทรงมีจิตใจที่โหดร้าย ไร้คุณธรรม เจ้ายศเจ้าอารมณ์ มักใหญ่ใฝ่สูง
นาย Woods นัก ประวัติศาสตร์ชาวตะวันตก บันทึกว่าพระเจ้าปราสาททองเสวยน้ำเมาตลอดวัน จนขาดสติสัมปชัญญะ จนมีเรื่องเล่าว่า ทรงทอดพระเนตรเห็นพระราชโอรส คือพระนารายณ์ มี 4 กร จึงตั้งชื่อ"นารายณ์" แต่ในอีกมุม พระองค์ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นกษัตริย์นักสู้ ผู้ไต่เต้าจากตำแหน่งเสนาบดีกลาโหม กระทั่งได้ครองราชย์บัลลังก์ และเป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์"ปราสาททอง"

วัดไชยวัฒนาราม
ตาม ประวัติศาสตร์ ระบุว่า แผ่นดินอยุธยาสมัยพระเจ้าปราสาททอง บ้านเมืองมีแต่ความสงบร่มเย็น พระองค์ทรงเสื่อมใสในพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ทรงโปรดให้สร้างวัดไชยวัฒนาราม วัดชุมพลพิศายาราม บูรณะปฎิสังขรณ์วัดต่างๆ รวมทั้งโปรดเกล้าฯให้สร้างพระราชวังบางประอิน อันเป็นสถานที่ประสูติของพระองค์ สำหรับไว้เป็นที่แปรพระราชฐาน

พระราชวังบางปะอิน
หนังสือ
เล่มนี้ เล่าตั้งแต่เรื่องโชกุนญี่ปุ่นขอปืนใหญ่จากสมเด็จพระเอกาทศรถ
ซามูไรญี่ปุ่นแผลงฤทธิ์ข่มเหงพระเจ้ากรุงสยาม
กรุงศรีอยุธยาขอม้าจากโชกุนญี่ปุ่นมาผสมพันธุ์ม้าไทย
ซามูไรญี่ปุ่นพยายามประทุษร้ายสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม
การขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระเจ้าปราสาททองในทรรศนะของฝรั่งและญี่ปุ่น
หนังสือวิเคราะห์เรื่องตั้งแต่พระเจ้าทรงธรรมสวรรณคต แล้วทรงรับสั่งให้พระเชษฐาธิราชขึ้นครองราชย์ โดยกำจัดพระศรีศิลป์ แล้วต่อเนื่องถึงพระเจ้าปราสาททองประหารชีวิตของพระเชษฐาธิราช กำจัดพระอาทิตยวงศ์ ก่อนขึ้นครองราชย์ แล้วทรงเปลี่ยนปฏิทิน
หนังสือวิเคราะห์เรื่องตั้งแต่พระเจ้าทรงธรรมสวรรณคต แล้วทรงรับสั่งให้พระเชษฐาธิราชขึ้นครองราชย์ โดยกำจัดพระศรีศิลป์ แล้วต่อเนื่องถึงพระเจ้าปราสาททองประหารชีวิตของพระเชษฐาธิราช กำจัดพระอาทิตยวงศ์ ก่อนขึ้นครองราชย์ แล้วทรงเปลี่ยนปฏิทิน
สำหรับพระเจ้าปราสาททอง
เดิมรับราชการในราชสำนักสมเด็จพระเอกาทศรถ(บางฉบับระบุว่าพระองค์เป็นพระราช
โอรสนอกสมรสของพระเอกาทศรถ) ในตำแหน่งมหาดเล็ก
ต่อมาได้เป็นที่จมื่นศรีสรรักษ์
ได้ร่วมกับพระศรีศิลป์สำเร็จโทษพระศรีเสาวภาคย์
แล้วเชิญพระอินทราชาขึ้นครองราชย์ ทรงพระนามว่า"สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม"
จมื่น ศรีสรรักษ์ได้เลื่อนขึ้นเป็นพระมหาอำมาตย์ และออกญาศรีวรวงศ์ และเมื่อญี่ปุ่นนำกำลังเข้ามาจะควบคุมพระองค์สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พระยาศรีวรวงศ์ก็สามารถปราบปรามลงได้ จึงได้รับความดีความชอบ และเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ให้ดูแลรักษาพระเชษฐาธิราช พระราชโอรสที่ทรงวางพระทัยให้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระองค์
ในรัชสมัยสมเด็จพระเชษฐาธิราช พระยาศรีวรวงศ์ได้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ มีอำนาจและอิทธิพลมาก ทำให้สมเด็จพระเชษฐาธิราช ทรงระแวงและคิดกำจัด แต่เจ้าพระยากลาโหมรู้ตัวก่อนและควบคุมพระองค์สมเด็จพระเชษฐาธิราชได้ แล้วอัญเชิญพระอาทิตยวงศ์ พระราชโอรสสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมขึ้นครองราชย์
เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ ได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เมื่อปี พ.ศ.2172 ทรงพระนามว่าสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง หรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 5 รวมทั้งทรงสถาปนาราชวงศ์ใหม่เป็น"ราชวงศ์ปราสาททอง" พระองค์มีพระราชโอรส และพระราชธิดารวม 7 พระองค์
พระองค์เคยเสด็จยกทัพไปตีเขมร ซึ่งเป็นประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา แต่แข็งเมืองในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม และชนะจึงทำให้เขมรกลับมาเป็นหัวเมืองประเทศราชของกรุงศรีอยุธยาดังเดิม
ในตอนต้นรัชสมัยของพระองค์ หัวเมืองประเทศราชทางใต้ คิดกบฏยกทัพไปตีเมืองสงขลาและเมืองพัทลุง พระองค์ได้ส่งกองทัพไปปราบปรามได้ราบคาบ แต่ก็เสียเมืองเชียงใหม่ และหัวเมืองล้านนาแก่พม่า
ในรัชสมัยของพระองค์ได้มีการตรากฎหมายที่สำคัญ เช่น พระไอยการลักษณะอุทธรณ์ พระไอยการลักษณะมรดก พระไอยการลักษณะกู้หนี้ และพระธรรมนูญ
ในปี จุลศักราช 1000 ตรงกับปีขาล (พ.ศ. 2181) ซึ่งมีความเชื่อกันว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงถึงขั้นกลียุค พระองค์จึงทรงให้จัดพิธีลบศักราช เปลี่ยนจากปีขาลเป็นปีกุน แล้วแจ้งให้หัวเมืองน้อยใหญ่รวมทั้งเมืองประเทศราช ให้ใช้ปีศักราชตามที่ทางกรุงศรีอยุธยากำหนดขึ้นมาใหม่
ในปี พ.ศ. 2175 พระองค์ได้โปรดเกล้าฯให้สร้างพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ พร้อมทั้งหมู่พระราชนิเวศ และวัดชุมพลนิกายาราม ขึ้นที่บางปะอิน อันเป็นสถานที่ประสูติของพระองค์ สำหรับไว้เป็นที่แปรพระราชฐาน
พระ เจ้าปราสาททอง มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ได้ทรงสถาปนาวัดสำคัญหลายวัด เช่น วัดไชยวัฒนาราม วัดพระศรีสรรเพชญ์ และวัดชุมพลนิกายาราม รวมทั้งโปรดเกล้าฯให้ปฏิสังขรณ์พระปรางค์วัดมหาธาตุ และโปรดที่จะเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค ไปทรงนมัสการรอยพระพุทธบาทที่สระบุรี จนกลายเป็นประเพณีที่สำคัญของอยุธยาตอนปลาย
สมเด็จพระเจ้าปราสาททองเสด็จสวรรคต เมื่อปี พ.ศ. 2199 ครองราชย์ได้ 27 ปี
จมื่น ศรีสรรักษ์ได้เลื่อนขึ้นเป็นพระมหาอำมาตย์ และออกญาศรีวรวงศ์ และเมื่อญี่ปุ่นนำกำลังเข้ามาจะควบคุมพระองค์สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พระยาศรีวรวงศ์ก็สามารถปราบปรามลงได้ จึงได้รับความดีความชอบ และเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ให้ดูแลรักษาพระเชษฐาธิราช พระราชโอรสที่ทรงวางพระทัยให้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระองค์
ในรัชสมัยสมเด็จพระเชษฐาธิราช พระยาศรีวรวงศ์ได้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ มีอำนาจและอิทธิพลมาก ทำให้สมเด็จพระเชษฐาธิราช ทรงระแวงและคิดกำจัด แต่เจ้าพระยากลาโหมรู้ตัวก่อนและควบคุมพระองค์สมเด็จพระเชษฐาธิราชได้ แล้วอัญเชิญพระอาทิตยวงศ์ พระราชโอรสสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมขึ้นครองราชย์
เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ ได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เมื่อปี พ.ศ.2172 ทรงพระนามว่าสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง หรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 5 รวมทั้งทรงสถาปนาราชวงศ์ใหม่เป็น"ราชวงศ์ปราสาททอง" พระองค์มีพระราชโอรส และพระราชธิดารวม 7 พระองค์
พระองค์เคยเสด็จยกทัพไปตีเขมร ซึ่งเป็นประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา แต่แข็งเมืองในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม และชนะจึงทำให้เขมรกลับมาเป็นหัวเมืองประเทศราชของกรุงศรีอยุธยาดังเดิม
ในตอนต้นรัชสมัยของพระองค์ หัวเมืองประเทศราชทางใต้ คิดกบฏยกทัพไปตีเมืองสงขลาและเมืองพัทลุง พระองค์ได้ส่งกองทัพไปปราบปรามได้ราบคาบ แต่ก็เสียเมืองเชียงใหม่ และหัวเมืองล้านนาแก่พม่า
ในรัชสมัยของพระองค์ได้มีการตรากฎหมายที่สำคัญ เช่น พระไอยการลักษณะอุทธรณ์ พระไอยการลักษณะมรดก พระไอยการลักษณะกู้หนี้ และพระธรรมนูญ
ในปี จุลศักราช 1000 ตรงกับปีขาล (พ.ศ. 2181) ซึ่งมีความเชื่อกันว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงถึงขั้นกลียุค พระองค์จึงทรงให้จัดพิธีลบศักราช เปลี่ยนจากปีขาลเป็นปีกุน แล้วแจ้งให้หัวเมืองน้อยใหญ่รวมทั้งเมืองประเทศราช ให้ใช้ปีศักราชตามที่ทางกรุงศรีอยุธยากำหนดขึ้นมาใหม่
ในปี พ.ศ. 2175 พระองค์ได้โปรดเกล้าฯให้สร้างพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ พร้อมทั้งหมู่พระราชนิเวศ และวัดชุมพลนิกายาราม ขึ้นที่บางปะอิน อันเป็นสถานที่ประสูติของพระองค์ สำหรับไว้เป็นที่แปรพระราชฐาน
พระ เจ้าปราสาททอง มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ได้ทรงสถาปนาวัดสำคัญหลายวัด เช่น วัดไชยวัฒนาราม วัดพระศรีสรรเพชญ์ และวัดชุมพลนิกายาราม รวมทั้งโปรดเกล้าฯให้ปฏิสังขรณ์พระปรางค์วัดมหาธาตุ และโปรดที่จะเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค ไปทรงนมัสการรอยพระพุทธบาทที่สระบุรี จนกลายเป็นประเพณีที่สำคัญของอยุธยาตอนปลาย
สมเด็จพระเจ้าปราสาททองเสด็จสวรรคต เมื่อปี พ.ศ. 2199 ครองราชย์ได้ 27 ปี

รัชกาลที่5 พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ฉายเมื่อปี 1881
ตอนที่ผมอ่านแล้ว"สนุก" จนขอนำมาเล่าต่อ คือพระปิยะมหาราช ทรงวิจารณ์พระเจ้าปราสาททอง
เรื่องนี้ปรากฎในหนังสือหลายเล่ม เช่น พระราชกระทู้ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และคำสนองพระราชกระทู้ของพระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) ว่าด้วย พระเจ้าปราสาททอง
แต่เนื่องจากเป็นการวิจารณ์กราบบังคมทูลสนองพระราชกระทู้ยาวมาก...จึงขอยกมาบางเรื่องให้สั้นลง
"ฉลาด ในทางอุบายมารยา ฉลาดในทางที่จะเรียนวิชาความรู้ว่องไว แต่ไม่มีความอุสาหะที่จะเรียนให้รู้จริง คือ ปากรู้มากกว่าใจ จนที่ไหนเดาที่นั่น ด้วยความเชื่อว่าคงถูกเชื่อตัวว่ามีสติปัญญา มีบุญ ไม่มีผุ้ใดเสมอซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งชอบยอ และกล้าทำอะไร ๆ ไม่มีความละอาย ด้วยนึกว่าไม่มีใครรู้เท่าเป็นไพร่ตามสันดานเดิมในเมื่อเวลากริ้ว..." พระราชวิจารณ์ของรัชกาลที่ 5 ถึงพระเจ้าปราสาททอง
เรื่องนี้ปรากฎในหนังสือหลายเล่ม เช่น พระราชกระทู้ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และคำสนองพระราชกระทู้ของพระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) ว่าด้วย พระเจ้าปราสาททอง
แต่เนื่องจากเป็นการวิจารณ์กราบบังคมทูลสนองพระราชกระทู้ยาวมาก...จึงขอยกมาบางเรื่องให้สั้นลง
"ฉลาด ในทางอุบายมารยา ฉลาดในทางที่จะเรียนวิชาความรู้ว่องไว แต่ไม่มีความอุสาหะที่จะเรียนให้รู้จริง คือ ปากรู้มากกว่าใจ จนที่ไหนเดาที่นั่น ด้วยความเชื่อว่าคงถูกเชื่อตัวว่ามีสติปัญญา มีบุญ ไม่มีผุ้ใดเสมอซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งชอบยอ และกล้าทำอะไร ๆ ไม่มีความละอาย ด้วยนึกว่าไม่มีใครรู้เท่าเป็นไพร่ตามสันดานเดิมในเมื่อเวลากริ้ว..." พระราชวิจารณ์ของรัชกาลที่ 5 ถึงพระเจ้าปราสาททอง
"ฉลาด
ในอุบายมารยานั้น คือเมื่อเวลาพระเจ้าทรงธรรมสวรรคต
มีความปรารถนาจะใคร่ได้สมบัติ ข้อนี้ควรจะยกเว้นไม่ติเตียน
เพราะพระเจ้าทรงธรรมไม่ได้เป็นผู้ที่ควรเป็นพระเจ้าแผ่นดินยิ่งกว่าพระเจ้า
ปราสาททอง วิชาก็มีด้วยกัน ฝ่าสยหนึ่งถนัดข้างพระไตรปิฏก
ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่ามีเวมมนตร์ขลัง
และสติปัญญามากกว่าเอาเป็นตีรั้งกันควรปรารถนา
"อาการที่จะเป็นพระเจ้า แผ่นดินนั้น เอาโดยทางมารยา คือยกพระเชษฐาซึ่งคงจะเป็นคนโง่ยิ่งกว่าพระศรีศิลป์ พระบิดาคงมุ่งให้พระศรีศิลป์รับสมบัติ จึงแกล้งไม่ยกสมบัติให้ พระศรีศิลป์ซึ่งเป็นคนฉลาดแต่ไม่ใช่ฉลฃาดดี ฉลาดอย่างกักฬะ พระศรีศิลป์จึงได้หนีออกไป คงจะด้วยถุกอุบายอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงไม่ได้ทันต่อรบอย่างหนึ่งอย่างใดให้กับสมกับที่เป็นกบถ หลอกให้พี่น้องแหนงกันเอง ฆ่ากันสมประสงค์"
"อาการที่จะเป็นพระเจ้า แผ่นดินนั้น เอาโดยทางมารยา คือยกพระเชษฐาซึ่งคงจะเป็นคนโง่ยิ่งกว่าพระศรีศิลป์ พระบิดาคงมุ่งให้พระศรีศิลป์รับสมบัติ จึงแกล้งไม่ยกสมบัติให้ พระศรีศิลป์ซึ่งเป็นคนฉลาดแต่ไม่ใช่ฉลฃาดดี ฉลาดอย่างกักฬะ พระศรีศิลป์จึงได้หนีออกไป คงจะด้วยถุกอุบายอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงไม่ได้ทันต่อรบอย่างหนึ่งอย่างใดให้กับสมกับที่เป็นกบถ หลอกให้พี่น้องแหนงกันเอง ฆ่ากันสมประสงค์"
พระยาโบราณราชธานินทร์ได้แก้ต่าง....
"ตามที่ทรงพระราชดำริเห็นว่า อาการที่พระเจ้าปราสาททองจะเอาแผ่นดินนั้น เอาโดยทางมารยา คือแกล้งยกพระเชษฐาซึ่งคงเป็นคนโง่ยิ่งกว่าพระศรีศิลป์ที่พระบิดาคงมุ่งหมาย ที่จะให้รับราชสมบัติและหลอกให้พี่น้องแหนงกันจนฆ่ากันสมประสงค์นั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯว่า ถ้าพระเจ้าปราสาททองปองที่จะเอาสมบัติอยู่แล้ว ถึงพระศรีศิลป์จะได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ก็คงรักษาพระองค์ไม่รอดเหมือนกัน เพราะกำลังวังชาและอำนาจของพระเจาปราสาททองในเวลานั้นมีมากนัก
ซึ่งยกพระเชษฐาขึ้นครงอราชสมบัตินั้น เห็นด้วยเกล้าฯว่าคงทำตามโบราณราชประเพณี ที่ต้องยกพี่ขึ้นใหญ่กว่าน้อง ประการหนึ่ง ถ้าหากยกพระศรีศิลป์ขึ้นครองราชสมบัติแล้ว พระเชษฐกับพระศรีศิลป์ก็คงจะบาดหมางไม่ปรองดอง คิดฆ่ากันไปเหมือนกัน"
"ตามที่ทรงพระราชดำริเห็นว่า อาการที่พระเจ้าปราสาททองจะเอาแผ่นดินนั้น เอาโดยทางมารยา คือแกล้งยกพระเชษฐาซึ่งคงเป็นคนโง่ยิ่งกว่าพระศรีศิลป์ที่พระบิดาคงมุ่งหมาย ที่จะให้รับราชสมบัติและหลอกให้พี่น้องแหนงกันจนฆ่ากันสมประสงค์นั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯว่า ถ้าพระเจ้าปราสาททองปองที่จะเอาสมบัติอยู่แล้ว ถึงพระศรีศิลป์จะได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ก็คงรักษาพระองค์ไม่รอดเหมือนกัน เพราะกำลังวังชาและอำนาจของพระเจาปราสาททองในเวลานั้นมีมากนัก
ซึ่งยกพระเชษฐาขึ้นครงอราชสมบัตินั้น เห็นด้วยเกล้าฯว่าคงทำตามโบราณราชประเพณี ที่ต้องยกพี่ขึ้นใหญ่กว่าน้อง ประการหนึ่ง ถ้าหากยกพระศรีศิลป์ขึ้นครองราชสมบัติแล้ว พระเชษฐกับพระศรีศิลป์ก็คงจะบาดหมางไม่ปรองดอง คิดฆ่ากันไปเหมือนกัน"
ร.5 ทรงวิพากษ์ต่อ...
"แกล้ง ทำการศพให้คึกคัก แต่งคนให้ลือให้พระเจ้าแผ่นดินตกใจ ผู้ที่ลือนั้นคือจมื่นสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นผู้ส่งข่าวนั้นเอง เข้ามาเป็นใส้ศึก พอหลอกให้ตกใจให้ไปรับสั่งให้หาก็เลยพาลเป็นกบถ หาว่าพระเจ้าแผ่นดินเตรียมให้คนขึ้นป้อมวัง ความนี้ก้ไม่จริง ปรากฎเมื่อยกมาแต่เวลาบ่ายสามโมง อยู่าจนสองทุ่มเข้าไปฟันประตู ไม่มีใครรู้ทัน ไม่ได้ต่อสู้กันเลย คำอธิษฐานที่อ้างเอาความปรารถนาโพธิญาณเป็นสัจจาธิษฐาน นี่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าเย่อหยิ่งมาก"
พระยาโบราณราชธานินทร์ แก้ต่าง...
"ตามที่ทรงพระราชดำริว่า พระเจ้าปราสาททองแกล้งทำการสพให้คึกคัก แต่งคนให้ลือให้พระเจ้าแผ่นดินตกพระทัย พอให้รับสั่งให้ไปหาก็เลยพาลเป็นถบถนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯว่าในเวลานั้น พระเจ้าปราสาททองเป็นเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ เป็นยประธานในราชการแผ่นดิน จะทำการงานใดก็คงมีผู้ไปช่วยเพือ่การประจบ และพระเชษฐาในเวลานั้นก็คงจะง่อนแง่นเต็มทีอยู่แล้ว
ถึงในข้อที่ว่า ตระเตรียมคนให้ขึ้นป้อมวังนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯว่า น่าจะรับสั่งให้ตระเตรียมจริง เพราะทรงตกพระทัยและหวาดอยู่แล้ว แต่เห็นด้วยเกล้าฯว่าคงจะไม่ได้คนมาขึ้นป้อมล้อมวังตามรับสั่ง ด้วยข้าราชการคงจะไปฝักใฝ่กับพระเจาปราสาททองเสียหมด จึงไม่ได้ต่อสู้กัน
คำอธิษฐานซึ่งอ้างเอาความปราถนาโพธิญาณซึ่งทรงพระราชฃดำริเห็นว่าเป็นการ เย่อหยิ่งนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯว่า คงจะทรงตามๆกันไป เช่นพระเจ้าทรงธรรมเองก็น่าจะได้กล่าวอย่างนี้เหมือนกัน"
"ตามที่ทรงพระราชดำริว่า พระเจ้าปราสาททองแกล้งทำการสพให้คึกคัก แต่งคนให้ลือให้พระเจ้าแผ่นดินตกพระทัย พอให้รับสั่งให้ไปหาก็เลยพาลเป็นถบถนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯว่าในเวลานั้น พระเจ้าปราสาททองเป็นเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ เป็นยประธานในราชการแผ่นดิน จะทำการงานใดก็คงมีผู้ไปช่วยเพือ่การประจบ และพระเชษฐาในเวลานั้นก็คงจะง่อนแง่นเต็มทีอยู่แล้ว
ถึงในข้อที่ว่า ตระเตรียมคนให้ขึ้นป้อมวังนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯว่า น่าจะรับสั่งให้ตระเตรียมจริง เพราะทรงตกพระทัยและหวาดอยู่แล้ว แต่เห็นด้วยเกล้าฯว่าคงจะไม่ได้คนมาขึ้นป้อมล้อมวังตามรับสั่ง ด้วยข้าราชการคงจะไปฝักใฝ่กับพระเจาปราสาททองเสียหมด จึงไม่ได้ต่อสู้กัน
คำอธิษฐานซึ่งอ้างเอาความปราถนาโพธิญาณซึ่งทรงพระราชฃดำริเห็นว่าเป็นการ เย่อหยิ่งนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯว่า คงจะทรงตามๆกันไป เช่นพระเจ้าทรงธรรมเองก็น่าจะได้กล่าวอย่างนี้เหมือนกัน"
ร.5 ทรงวิพากษ์ต่อ
"ตั้งพระอาทิตยวงศ์ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน จนกระทั่งถอดเสียเป็นการมารยาทั้งนั้น.."
พระยาโบราณราชธานินทร์ แก้ต่างอีก..
"ซึ่ง ทรงพระราชดำริเห็นว่า ที่ตั้งพระยาอาทิตยวงศ์ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินจนกระทั่งถอดเสียเป็นการมารยา นั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯว่าในเรื่องนี้จำเป็น พระเจ้าปราสาททองจะต้องทำเช่นนั้น ด้วยพระอาทิตยวงศ์ยังมีอยู่ ถ้าจะเอาราชสมบัติทีเดียวคนทั้งปวงก็จะเห็นว่าเป็นขบถ ฆ่าพระเชษฐาเพื่อจะเอาราชสมบัติ"
(ความทั้งหมด อยู่ในบันทึกพระยาโบราณราชธานินทร์ ( พร เดชะคุปต์ ) เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน รัตนโกสินทรศก 125)
"ตั้งพระอาทิตยวงศ์ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน จนกระทั่งถอดเสียเป็นการมารยาทั้งนั้น.."
พระยาโบราณราชธานินทร์ แก้ต่างอีก..
"ซึ่ง ทรงพระราชดำริเห็นว่า ที่ตั้งพระยาอาทิตยวงศ์ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินจนกระทั่งถอดเสียเป็นการมารยา นั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯว่าในเรื่องนี้จำเป็น พระเจ้าปราสาททองจะต้องทำเช่นนั้น ด้วยพระอาทิตยวงศ์ยังมีอยู่ ถ้าจะเอาราชสมบัติทีเดียวคนทั้งปวงก็จะเห็นว่าเป็นขบถ ฆ่าพระเชษฐาเพื่อจะเอาราชสมบัติ"
(ความทั้งหมด อยู่ในบันทึกพระยาโบราณราชธานินทร์ ( พร เดชะคุปต์ ) เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน รัตนโกสินทรศก 125)

พระนารายณ์มหาราช ฝีมือช่างวาดชาวฝรั่งเศส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น